DSI จับมือตำรวจเมียนมาร์ ถกแก้ปัญหา การค้ามนุษย์

44866กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( DSI ) จับมือ ตำรวจเมียนมาร์ ถกแก้ปัญหา การค้ามนุษย์ เผยเมียนมาต้องการให้ไทยจับกุมหัวหน้าแก๊งที่หลอกเข้ามาทำงานและถูกกดค่าแรง

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2559 ที่โรงแรมคันทารี่ ฮิลล์ เชียงใหม่ กรมสอบสวนคดีพิเศษและสำนักงานตำรวจสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา จัดประชุมทวิภาคีว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ตามโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ (TIPNET) ครั้งที่ 14 พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นประธานเปิดการประชุมและติดตามผล การดำเนินงานต่อเนื่องจากการประชุมทวิภาคีฯครั้งที่ผ่านมา และประชุมเพื่อหารือกรอบความร่วมมือในการดำเนินคดีในอนาคตร่วมกับสำนักงานตำรวจสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า ทางฝ่ายเมียนมาสนใจที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลและการทำงานร่วมกันในเรื่องการหลอกลวงแรงงานเมียนมามาทำประมงในประเทศไทย รวมไปถึงเรื่องของคดีค้ามนุษย์ซึ่งมีกว่า 1 พันคดีและที่ผ่านมาการดำเนินงานยังไม่สามารถสืบสวนไปถึงตัวการใหญ่ได้ ในสว่นของดีเอสไอเองก็จะทำในส่วนที่เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติเช่นการหลอกแรงงานไปทำงานที่อินโดนีเซียและค้าประเวณีซึ่งก็จะทำงานควบคู่กับทางตำรวจด้วย
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษกับสำนักงานตำรวจสาธารณรัฐสหภาพเมียนมามีการประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานร่วมกัน ทำให้คดีต่างๆ ลดลงไปมาก แต่ก็ยอมรับว่าเนื่องจากคดีค้ามนุษย์มีความยุ่งยาก ซับซ้อน โดยเฉพาะในด้านของการรวบรวม สืบสวนพยานหลักฐานต่างๆ ใช้เวลาค่อนข้างยืดยาว ทางครั้งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ก็เดินทางกลับประเทศไปแล้วทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่อง แม้ขณะนี้จะมีการใช้วิธีส่งประเด็นไปล่วงหน้า หรือใช้วิดีโอ คอนเฟอเร้นท์ในชั้นสอบสวน แต่ในชั้นศาลและอัยการก็ยังต้องมีการสืบพยานเช่นเดียวกัน
“ทางฝ่ายเมียนมาได้เรียนรู้วิธีการสืบสวน สอบสวนจากเราค่อนข้างเยอะ ซึ่งจริงๆ คดีจะเกิดขึ้นในประเทศไทยค่อนข้างมากกว่าในเมียนมา เพราะคนของเขาถูกนายหน้าหลอกเข้ามาทำงานในประเทศไทย และคนของเขากลายเป็นเหยื่อ ซึ่งมีการทำเป็นขบวนการหรือเป็นแก๊งและหัวหน้าแก๊งก็ยังไม่ถูกจับกุมด้วย เขาก็อยากให้สาวไปให้ถึงไม่เช่นนั้นปัญหาค้ามนุษย์ก็ไม่มีทางจบลงได้”รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าว
ด้าน นายฮุนไน(Htun Naing) รองผบ.หน่วยต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีการดำเนินงานร่วมกันและสามารถจับกุมเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ได้แต่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการกับหัวหน้าแก๊ง ซึ่งทางเมียนมาเองก็ให้ความสำคัญมาก เพราะปัจจุบันมีชาวเมียนมาอยากเข้ามาทำงานในประเทศไทยมาก จึงมีพวกที่เป็นนายหน้ามาหลอกลวง เพราะเมื่อแรงงานเข้ามาทำงานจริง ทั้งเรื่องค่าแรงและเวลาทำงานไม่ได้เป็นไปตามที่ตกลงไว้แต่แรก บางคนที่เข้ามาอย่างถูกต้องก็ยังสามารถกลับหรือไปหางานอื่นได้ แต่คนที่เข้ามาไม่ถูกต้องก็กลายเป็นเหยื่อและเมื่อถูกจับกุมได้ก็ยิ่งเป็นปัญหาให้กับขบวนการค้ามนุษย์ระหว่างไทยกับเมียนมาเป็นอย่างมาก
วชรพงศ์ มีทรัพย์กว้าง / ข่าว

block blast 580796 | solitaire 774311 | block blast 184286