เชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาในจังหวัดเชียงใหม่ 7 ราย ขณะที่เทศบาลตำบลหนองหารและ อสม.ร่วมรณรงค์ให้ความรู้ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงแล้ว..
นางชลลิสา จริยาเลิศศักดิ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่เป็นข่าวนั้น ยอมรับว่าพบผู้ป่วยจริง มีติดเชื้อไวรัสซิกา จำนวน 7 ราย โดยรายแรกพบเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2559 ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้รายงานเข้ามาว่าพบเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ มีการวางมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่พบผู้ป่วยซึ่งเป็นเด็กนักเรียน 2 ราย แรกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กระทั่งเดือนสิงหาคมพบผู้ป่วยรายที่ 3 , 4 และ 5 โดยในรายที่ 3 และ 4 เป็นผู้ป่วยสงสัยว่าจะติดเชื้อ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอตรวจเช็ค อีกทั้งยังได้ดำเนินการตามมาตรฐานการควบคุมโรคอย่างเข้มข้น ได้ประสานกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นผู้นำหมู่บ้านในพื้นที่เพื่อให้ช่วยกันรณรงค์ เพื่อทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ขณะเดียวกันด้านโรงพยาบาลชุมชนต่าง ๆ ก็มีการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงต่อไวรัสซิก้าอย่างเข้มข้น
อย่างไรก็ตามสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ มิได้นิ่งนอนแต่อย่างใด โดยได้ยกระดับการเฝ้าระวังตามมาตรฐานการเฝ้าระวัง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขวางไว้ ซึ่งขณะนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาทั้ง 7 ราย มี 6 รายที่ได้รับการรักษาและอาการดีขึ้น ยกเว้น 1 รายที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งยังต้องเฝ้าระวังเพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากอายุครรภ์ยังไม่ถึง 5 เดือน จึงไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือไม่
ขณะเดียวกัน ด้านเทศบาลตำบลหนองหาร ร่วมกับโรงพยาบาลชุมชนตำบลหนองหาร อสม.จำนวนหลายสิบราย ร่วมกันเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมกับแนะนำให้คนในชุมชนช่วยกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงแต่ละบ้าน รวมถึงตามสวนสาธารณะ แหล่งน้ำขัน แม่น้ำลำธาร พร้อมกับได้ตัดกิ่งต้นไม้ต่าง ๆ ในเขตเทศบาลซึ่งเป็นที่อาศัยและแพร่พันธุ์ของยุ่งลาย นอกจากนี้แล้วได้นำรถเครื่องพ่นสารเคมีเพื่อกำจัดยุงลายเพื่อทำให้แม่พันธุ์ยุงเป็นหมั่น โดยเฉพาะชุมชนบ้านแม่โจ้หมู่ที่ 4 ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดและพบผู้ป่วยโรคไวรัสซิก้าในชุมชนดังกล่าวเป็นแห่งแรกอีกด้วย
สำหรับ เชื้อไวรัสซิกา มียุงลายเป็นพาหะ หลังได้รับเชื้อ 4-7 วันจะมีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ มีผื่นแดง ตาแดงและปวดข้อ ส่วนใหญ่จะหายเองใน 1 สัปดาห์ แต่ในหญิงตั้งครรภ์ จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะเชื้ออาจส่งผลต่อทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการพิการแต่กำเนิด มีขนาดศีรษะที่เล็กผิดปกติ หรืออาจเสียชีวิตได้
/////////////////////////////////
วชรพงศ์ มีทรัพย์กว้าง